My Pet

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การเรียนรู้อย่างมีความสุข

เป็นศตวรรษมาแล้วที่ระบบการศึกษาไทยฝังแน่นอยู่กับความเชื่อว่า  สติปัญญาเป็น
สิ่งที่ติดตัวบุคคลแต่ละคนมา มีระดับตายตัวมาตั้งแต่เกิด คนปัญญาสูง  ปัญญาต่ำ  ในบ้านเมืองก็
กระจายไม่เป็นสัดส่วน  จึงมีการขีดเส้นอนาคตการเรียนสูงสุดของเด็กไว้
โรงเรียนจึงแบ่งเด็กด้วยสมรรถภาพทางการเรียน  แยกเด็กฉลาดกับเด็กโง่ออกจากกัน
นี่คือทฤษฎีหรือหลักการในการจัดโปรแกรมการเรียน  หลักการที่ทำให้เกิด....

-  การทดสอบแบบอิงเกณฑ์
-  การแบ่งสายการเรียน ( สายอาชีพ สายสามัญ)
-  การจัดกลุ่มตามความสามารถ
-  โปรแกรมสำหรับเด็กปัญญาเลิศ
-  และอื่น ๆ อีกมหาศาล

เราได้รับการเลี้ยมสอนมาเช่นนี้ 5 ชั่วอายุคนแล้ว  เรารับกันเป็นพื้นฐานเสียแล้วว่า
มันต้อง "เป็นไปตามยถากรรม"

ความเชื่อเช่นนี้นี่เองที่ขัดขวาง "การปฏิรูปการศึกษา"
เมื่อเชื่อว่าเด็กโง่เสียแล้ว  ก็ป่วยการที่จะปฏิรูปเพื่อให้ "คุณภาพการเรียนของเด็ก
(ทุกคน) ได้มาตรฐานสูง (ระดับสากล - นานาชาติ)"


ทุกคนที่ได้รับการเรียกร้องให้ทำปฏิรูป ก็จะแหกปากโอดโอยแต่เบื้องต้น
"ไม่มีทางไปถึงฝันหรอก !"

ความจริงแล้วลูกหลานของเราไม่มีอะไรผิดปรกติเลย เขาสามารถจะเรียนได้ดีเยี่ยม
เช่นเดียวกับเด็กชาติอื่นใดในโลก  จิตใจของเด็กปรกติสามารถพัฒนาได้ด้วยการปฏิบัติ
สมรรถภาพในการเรียนเป็นส่วนประกอบของความหมายมั่นกับความพยายาม  สติ
ปัญญา  มีอยู่แล้วในตัวคนแทบทุกคนปุถุชนย่อมมีสมรรถภาพในการเรียนสูงด้วยกันทั้งนั้น


ในยุคสมัยปัจจุบันเรามีความเชื่อมั่นในสมรรถภาพการเรียนของเด็ก  หลักการใหม่
ในการจัดการศึกษา  จึงมุ่งที่จะ......

กำหนดมาตรฐานการสำเร็จการศึกษา (พื้นฐาน 12 ปี) ไว้ให้สูง ให้เป็น
มาตรฐานคุณภาพศตวรรษที่ 21  แล้วจัดแนวหลักสูตร นโยบายและกระบวนการ
เรียนการสอน  ให้เป็นไปตามความต้องการในการเร่งรัดพัฒนาเด็กทุกคนให้ถึง
มาตรฐาน
  เมื่อกำหนดมาตรฐานไว้แล้ว  ก็ต้องปรับปฏิบัติการทุกอย่างในระบบ
โรงเรียนและระบบการศึกษา  เพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามเป้า

แนวคิดที่การศึกษาทั้งระบบต้องผูกพันอยู่กับการทำให้เด็กทุกคนเผด็จมาตรฐานให้ได้
เช่นนี้  เป็นลักษณะของการปฏิวัติโดยแท้ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด  นโยบายและวิธีปฏิบัติด้วย
ตรรกะใหม่  เราต้องคิดว่า "สติปัญญาพัฒนาได้"  ไม่ใช่ถูกขีดเส้นจำกัดมาแต่กำเนิด

ในศตวรรษที่ 21  ไทยเราต้องยึดทฤษฎีสมรรถภาพการเรียนใหม่
มองเด็กในแง่ใหม่และจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ให้เขา


"เด็กทุกคนเรียน  (ในระดับความสำเร็จสูง) ได้"

ครูที่มีประสิทธิภาพเข้าใจเรื่องนี้ดี  และเขารู้ดีว่าพัฒนาการของเด็กนั้น เป็นกระบวน<
การที่เชื่อว่า  เด็กทุกคนในห้องเรียนของเขาเรียนประสบผลสัมฤทธิ์ในระดับสูงได้  หากเขาได้รับ
การชักจูงให้ทำงานหนักพอ  เขารู้ดีว่าความมั่นใจขึ้นอยู่กับลักษณะของสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
และนี่คือเคล็ดของครูที่มีประสิทธิภาพ  และอาวุธลับของการปฏิรูป ก็คือ.....

การสร้างความมั่นใจ  เป็นฐานไปสู่ความพยายามอันต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผล
ทางคุณภาพการเรียน


เด็กปรกติที่ได้รับการพัฒนาในสภาวะแวดล้อมที่เสริมส่งด้วย ความเชื่อ  วินัย  และความ
พยายามที่เป็นกระบวนการ
  ย่อมประสบความสำเร็จได้  นี่เป็นแรงจูงใจลึก ๆ ซึ่งจะเป็นความผูกพัน
เฉพาะตัวของเด็กกับการพัฒนาของเขา

ความมั่นใจ ความพยายาม         พัฒนาการ

                 ที่มีประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น